เหรียญตะกรุดเม วัดท่าซุง
เหรียญตะกรุดเม วัดท่าซุง
ด้านหน้ายันต์ท่านปู่พระอินทร์
ด้านหลังยันต์ท่านท้าวมหาชมพู
ประวัติการสร้าง
ถือเป็นสุดยอดตะกรุดของหลวงพ่อ ซึ่งช่วงราวๆปี ๒๕๒๗-๒๕๒๘ ในวัดจะมีผู้ไม่ประสงค์ดีทำไสยศาสตร์คุณไสยดำเพื่อหวังจะทำร้ายทั้งพระและฆราวาสในวัด พระท่านมาบอก หลวงพ่อเลยเมตตาทำให้พิเศษเฉพาะเป็นการภายใน โดยบรรดาลูกหลานจะลงชื่อกันไว้ แล้วนำแผ่นทอง เงิน นาค หรือตะกั่วมากันเอง แล้วก็นำใส่พานไปให้หลวงพ่อปลุกเสก ตอนแรกหลวงพ่อก็ลงมือจารด้วยตัวท่านเอง สักพักหมาหอนลั่นกันทั้งวัด หลวงพ่อก็หยุดจาร เมื่อปลุกเสกเสร็จ หลวงพ่อก็บอกว่า พระท่านมาบอกว่าไม่ต้องจารทั้งหมดหรอก จะไม่ไหว ให้กำหนดจิตทำ ท่านเลยกำหนดจิตตามพระท่านสั่ง ปรากฎว่าตะกรุดทุกดอกในพานนี้ ขึ้นเป็นตัวอักขระตามเนื้อตะกรุดครบทุกดอกเลย จะมีจำนวนไม่มาก
ในระหว่างปี พ.ศ.๒๕๒๘ หลวงพ่อพระราชพรหมยานได้เมตตาสงเคราะห์ศิษย์ใกล้ชิดเป็นกรณีพิเศษ โดยอนุญาตให้นำแผ่นทองคำ แผ่นนากหรือแผ่นเงิน(ตามกำลังของแต่ละคน) มาทำเป็นแผ่นตะกรุด เรียกกันว่าตะกรุดเม ซึ่งเป็นคำย่อมาจาก “ เม สัมมุกขา สัพพา หะระติ เต สัมมุกขา ” ท่านได้เมตตาจารยันต์ให้ ส่วนใหญ่เป็นยันต์องค์พระและมีอุณาโลมอยู่ด้านบน บางแผ่นท่านจารอักขระเพิ่มเติมให้ และมีอยู่แผ่นหนึ่งที่ท่านเมตตาจารเป็นกรณีพิเศษโดยด้านหนึ่งเป็นยันต์ท่านปู่พระอินทร์ (ยันต์ปัญจพุทธา) อีกด้านเป็นยันต์ท้าวมหาชมภู ที่กล่าวว่าเป็นกรณีพิเศษนั้นเนื่องจากในขณะนั้นหลวงพ่อท่านมีภาระกิจมากทั้งงานสอนพระกรรมฐาน งานศูนย์สงเคราะห์ฯ งานเจริญศรัทธางานก่อสร้าง ฯลฯ เวลาพักผ่อนของท่านน้อยมาก ท่านยังสละเวลาจารแผ่นยันต์ให้ ผู้ที่ได้รับแผ่นยันต์ชุดนี้มาตั้งแต่ต้นหรือได้รับตกทอดมาในภายหลังล้วนแล้วแต่มีความชุ่มชื่นใจ อิ่มใจในความเมตตาของท่าน
ปัจจุบันยันต์แผ่นพิเศษนี้พระผู้ใหญ่องค์หนึ่งของวัดท่าซุงได้ถวายเพื่อเป็นสมบัติของสงฆ์ และคณะทำงานได้พิจารณาขออนุญาตตัดส่วนหนึ่งเพื่อนำมาเป็นชนวนในการสร้างวัตถุมงคลต่างๆของวัด และได้ขอจำลองรูปยันต์ที่หลวงพ่อท่านได้จารไว้นำมาสร้างเหรียญโดยย่อให้มีขนาด ๑.๖ x ๑.๖ ซม. เพื่อรักษารูปแบบยันต์ที่เป็นเอกลักษณ์ไว้ และเป็นเครื่องระลึกถึงความเมตตาของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน ที่มีต่อคณะศิษย์โดยหาประมาณมิได้
ตะกรุดเม นั้นมีอานุภาพในการสะท้อนกลับ ไม่ว่าใครทำดีทำชั่วกับผู้ใช้ตะกรุด ผลดีผลชั่วนั้นจะย้อนคืนไปยังผู้ทำเป็นร้อยเท่าพันทวี
“ เม สัมมุขขา สัพพา หะระติ เต สัมมุขขา ” คาถานี้ถ้าทำถึงที่สุด ท่านว่าแม้แต่ลูกปืนที่ยิงมา ก็จะย้อนกลับไปหาผู้ยิงเอง
ข้อควรระวัง อย่าเข้าไปในสถานที่ซึ่งคนหรือสัตว์ กำลังคลอด เพราะจะทำให้คลอดไม่ได้ และห้ามให้เด็กใช้อย่างเด็ดขาด
ในเรื่องของตะกรุดเม (มหาสะท้อน) หลวงพ่อกล่าวว่า ที่เขาห้ามให้เด็กใช้ เพราะว่ามหาสะท้อนย้อนกลับทุกอย่าง แล้วย้อนกลับหลายเท่า ถ้าเราเผลอไปตีเด็ก เราอาจจะโดนอะไรที่หนักกว่านั้นคืน เขาเลยห้ามไม่ให้เด็กใช้ และห้ามเข้าไปในที่ที่คนหรือสัตว์กำลังคลอด เพราะจะทำให้คลอดไม่ออก จะโดนย้อนกลับหมด
จัดสร้างโดยหลวงพ่อพระครูปลัดอนันต์ เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันวัดท่าซุง ทำพิธีพุทธาภิเษกเมื่อ วันเสาร์๕ วันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๖ เวลา 18.00 น. ภายในพระอุโบสถวัดท่าซุง
ในเรื่องของอานุภาพตะกรุดมหาสะท้อน (ตะกรุดเม)
ตะกรุดมหาสะท้อนนั้นมีอานุภาพในการสะท้อนกลับ ไม่ว่าใครทำดีทำชั่วกับผู้ใช้ตะกรุด ผลดีผลชั่วนั้นจะย้อนคืนไปยังผู้ทำเป็นร้อยเท่าพันทวี
ตามตำราของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ) วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี ท่านให้ใช้แผ่นทอง แผ่นนาก หรือแผ่นเงิน หนักไม่ต่ำกว่า ๑ บาท (เกินเท่าไรก็ได้) ลงด้วยยันต์ปัญจพุทธามหามงคล ทำการปลุกเสก
เมื่ออาราธนาติดตัวให้ใช้คาถา เม สัมมุกขา สัพพา หะระติ เต สัมมุกขา
คาถานี้ถ้าทำถึงที่สุด ท่านว่าแม้แต่ลูกปืนที่ยิงมา ก็จะย้อนกลับไปหาผู้ยิงเอง
ข้อควรระวัง
1. อย่าเข้าไปในสถานที่ซึ่งคนหรือสัตว์กำลังจะคลอด เพราะจะทำให้คลอดไม่ได้
2. ห้ามให้เด็กใช้อย่างเด็ดขาด
ตัวอย่างผู้ที่นำตะกรุดไปใช้แล้วได้ผล เช่น
1. พระสมุห์ศราวุธ ฐานิสฺสโร เจ้าอาวาสวัดพุทธบริษัท จังหวัดกาญจนบุรี ถูกเจ้าคณะอำเภอหยอกเล่น มาถึงก็เงื้อมือจะทุบหลัง ผลคือ ท่านเจ้าคณะอำเภอหงายหลังตึงไปเฉยๆ ท่านว่าคนแก่บางทีก็อาจลื่นล้มเองได้
2. คุณพิสิฐ อรุณทรัพย์ ถูกเพื่อนชกแบบหยอกกันเล่น เพื่อนเลยแขนหักเข้าเฝือกไป
3. พระพิชัย ฐานิโย เลขานุการเจ้าอาวาสวัดคลิตี้ผลธรรมาราม เอารถคุณพิสิฐฯ ไปติดอยู่ในป่า เพราะน้ำป่าพัดสะพานขาด ตะกรุดที่อยู่ในรถหาย ขนาดรื้อพรมขึ้นมาหาก็ไม่เจอ ปรากฏว่าไปสถิตย์อยู่บนหิ้งพระของคุณพิสิฐฯ ท่านว่าคงเป็นเพราะเอารถไปจอดไว้ใต้ถุนศาลา มีแต่คนขึ้นลงทุกวัน ตะกรุดเลยหนีกลับบ้านก่อน
4. น.ท.จรรย์นพ กำแพงทอง พาภรรยา (คุณศรัณญา กำแพงทอง) ไปเตรียมคลอดปวดท้องอยู่เป็นวันจนแทบเป็นลมก็คลอดไม่ได้ จนต้องยอมให้แพทย์ผ่าเอาน้องนุก (ด.ญ.ดาริกา กำแพงทอง) ออกมา มารู้ทีหลังว่าพกตะกรุดมหาสะท้อนทั้งคู่
มี คนสงสัยว่า ในเมื่อตะกรุดสะท้อนผลร้าย การอาราธนาตะกรุดให้คุ้มครอง จะเป็นการทำร้ายคนอื่นหรือไม่ ก็ต้องขอออกความเห็นว่า การอาราธนาตะกรุดเม เหมือนการใส่เกราะคุ้มครองตัวเอง ถ้าเขาเตะลูกบอลมาใส่คุณ ลูกบอลก็ย่อมสะท้อนกลับไปหาเขา สิ่งที่เขาได้รับเป็นการกระทำของเขาหรือคุณเองล่ะ ? และสำหรับผู้ที่คิดดีทำดีต่อผู้อื่น ตะกรุดย่อมสะท้อนผลดี
สรุปว่า ถ้าไม่มีเจตนาจะทำร้ายใคร แกล้งใคร ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว
เคยมีคนสงสัยว่า ถ้าพกตะกรุดทั้งคู่แล้วชกกันจะเป็นอย่างไร ท่านว่าคนที่กำลังใจเข้มแข็งกว่าก็ได้เปรียบกว่า แต่สำหรับผู้ที่ไม่มีตะกรุดแล้วเผลอไปล่วงเกินคนที่พกตะกรุดเข้า ก็ให้ขอขมาโทษผู้ที่พกเสีย...ถ้าทำทัน และขอขมาพระรัตนตรัยด้วย
คัดจากนิตยสารพลังจิต ฉบับที่ 3 เดือนมกราคม 2551