พระราหูผงกะลาตาเดียว เลี่ยมกรอบพลาสติกกันน้ำ ปลุกเสกแล้ว พระราหู ราหูอมจันทร์ วัดศีรษะทอง นครปฐม หลวงปู่น้อย 2552
พระราหูผงกะลาตาเดียว ปลุกเสกแล้ว
ผงอิทธิเจตำหรับหลวงปู่น้อย
ของแท้จากวัดศีรษะทอง จ.นครปฐม
ขนาด 2 x 2 x 0.4 cm.
ตำนานพระราหู ในรูปแบบเครื่องรางของขลัง
กล่าวกันว่าเป็นตำนานที่ฤาษี แต่งขึ้นมา โดยมีฤาษีสองตน ตนหนึ่งบำเพ็ญตบะอยู่ในถ้ำที่ภูเขายุคนธร และอีกตนหนึ่งบำเพ็ญตบะอยู่ที่ถ้ำภูเขานันทะเขต ฤาษีสองตนนี้ได้ร่วมสร้างยันต์ และคาถาจันทร์บัพพา ซึ่งใช้ในการสร้างและปลุกเสกราหูอมจันทร์
การที่ฤาษีทั้งสองตนนี้ได้สร้างยันต์และคาถาราหูขึ้นมานี้ก็เนื่องจากได้ทราบโดยญาณล่วงหน้าว่า ต่อไปมนุษย์จะพบกับอันตราย และความทุกข์ยากลำบาก ในการปลุกเสกภาวนาไม่ว่าจะเป็นราหูอมพระอาทิตย์หรือราหูอมจันทร์ จะต้องปลุกเสกให้ได้ 8 ตามตำรา จึงจะประสิทธิผลทางด้านความศักดิ์สิทธิ์
การสร้างเครื่องรางรูปราหูวัสดุที่นำมาสร้างตำราบ่งบอกว่าต้องเป็น “กะลามะพร้าวตาเดียว” คือ กะลามะพร้าวทั้งลูกโดยทั่ว ๆ ไป นั้นจะมี 3 รู เป็นรูงอก 1 รู และเป็นตาอีก 2 รู แต่กะลามะพร้าวตาเดียว จะมีรูงอก 1 รู และตา 1 รู ซึ่งพบหาได้ยาก
กะลามะพร้าวตาเดียวชนิดนี้ ถือว่าเป็นวัตถุอาถรรพ์ที่มีอิทธิฤทธิ์อยู่ ในตัวของมันเองอยู่แล้ว
แม้ว่าไม่ต้องปลุกเสกก็มีความศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งกะลาตาเดียว พร้อมกะลา 3 ตา และกะลามหาอุตม์ ทั้ง 3 ชนิด มีคุณวิเศษหลายอย่าง เช่น
1.ใช้สำหรับตักข้าวสารใส่หม้อเวลาหุงรับประทาน หากว่าประกอบวิชาชีพธุรกิจ จะทำให้เกิดทรัพย์สมบัติ เพิ่มพูน บริบูรณ์ หากเป็นชาวไร่ ชาวนา ก็จะทำให้ข้าวในนาและพืชไร่เจริญงอกงามดี และหากเป็นข้าราชการก็จะเจริญทางยศถาบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าขุนมูลนายเป็นใหญ่
2.ใช้ทำเครื่องรางของขลัง เพราะ กะลามะพร้าวชนิดนี้ เป็นอาถรรพ์มีดีในตัวอยู่แล้ว หากนำมาปลุกเสกประจุอาคมก็จะมีอิทธิฤทธิ์มากขึ้น
3.ใช้สำหรับป้องกันเสนียดจัญไร คุณไสย ภูตผีปีศาจ
4.บูชาเป็นประจำจะทำให้เกิดโชคลาภอยู่เสมอ ทรัพย์สมบัติเงินทองไหลมาเทมาไม่ขาดสาย
5.ใช้สำหรับเป็นเครื่องมือหมอโบราณในการตัดต้อตาของคนให้หายขาดได้ นี่คือ ความเชื่อของผู้เฒ่าผู้แก่ทั้งหลายที่เล่าขานกันมา
วิธีอธิษฐานถึงอสูรเทพราหู
เรื่องอิทธิฤทธิ์ของพระราหูนี้มีมากนัก แม้ว่าต่อมาจะเหลือร่างกายเพียงครึ่งเดียวแต่ก็ทรงตบะเดชะไม่เป็นสองรองใครเหมือนกัน ยังสามารถเข้าบดบังพระอาทิตย์และพระจันทร์ได้ อำนาจในการบดบังพระอาทิตย์นี้ ครูบาอาจารย์ท่านกล่าวสรรเสริญไว้ว่า แม้ดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรงก็ยังมีพระราหูมาบดบังให้เยือกเย็น ท่านจึงว่าพระราหูนั้นมีคุณในการดับร้อนให้เป็นเย็น หรือมีอำนาจในการบังตาเป็นที่น่าอัศจรรย์
ในการอธิษฐานขอบารมีพระราหูที่ถูกต้องนั้นให้อธิษฐานอ้างเอาคุณพระศรีรัตนตรัยขึ้นก่อน จากนั้นอธิษฐานถึงพระราหูว่า “ขออำนาจบารมีพระอสุรินเทพบรมโพธิสัตว์พระราหู จงมาโปรดแก่ลูกด้วย………….”แล้วทำการอธิษฐาน ทั้งนี้เพราะพระราหูนั้นมีเพศเป็นยักษ์และอยู่ในระดับอสูรเทพ และยังมีบารมีธรรมเป็นพระโพธิสัตว์ที่ได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าว่าจะต้องสำเร็จมรรคผลโพธิญาณอย่างแน่แท้ พระโพธิสัตว์ที่ได้รับการพยากรณ์เช่นนี้จากพระพุทธเจ้าถือว่าเป็นพระโพธิสัตว์ที่เที่ยงแท้ บำเพ็ญบารมีถึงเส้นชัยแล้วจึงได้รับการขนานพระนามเป็นเกียรติว่า พระบรมโพธิสัตว์ การอธิษฐานอ้างถึงคุณงามความดีของพระราหูดังกล่าวมาถือว่าเป็นอาราธนาคุณของพระราหูทั้งด้านบุญฤทธิ์ และอิทธิฤทธิ์ พร้อมกันในตัว เป็นสิริมงคลแก่ผู้ระลึกถึงยิ่งนัก
พระคาถาบูชาพระราหู
พระคาถาสุริยะประภา
(นะโม 3 จบ)
โอม เอกะจักขุนาฬิเกลา สุริยะประภา ราหูคาหา สัตตะรัตนะ สัมปันโน มณีโชติ ระโสยะถา สุวัณณะ รัชตะสมิทธา อะหัง วันทามิ เมสะทา โอม กุเสโต มะมะ กุเสโต โตราโม มะมะ โตราโม คุยหะโม มะมะ คุยหะโม คุติโม มะมะ คุติโม
พระคาถาจันทรประภา
(นะโม 3 จบ)
โอม เอกะจักขุนาฬิเกลา จันทรประภา ราหูคาหา สัตตะรัตนะ สัมปันโน มณีโชติ ระโสยะถา สุวัณณะรัชตะ สมิทธา อะหัง วันทามิ เมสะทา โอม ยะถาตัง มะมะ ตังถายะ ตังวะตัง มะมะ ตังวะตัง ตังเสถา มะมะ ถาเสตัง กาติยะ มะมะ ยะติกา